ubiquitous week11 iot and projectpresentation 2 at kx

Internet of thing (IOT) คือ การที่ทุกๆ Device สามารถ connect ถึงกันได้ทุกๆที่และทุกเวลา แล้วยังสามารถเรียนรู้สภาพแวดล้อมได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกเนื่องจากก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆมากมาย เช่น smart phone เป็นต้น ดังนั้นที่สำคัญต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสำคัญ เนื่องจากข้อมูลเราจะสามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้

IEEE - อาจารย์ได้ถามว่ามีใครไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่มีใครตอบ ผมเลยทำการไปหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าคืออะไร พบว่า IEEE คือองกรณ์ที่กำหนดมาตรฐานของงานด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิก

IOT Security life cycle 

การออกแบบ IOT ที่ดีต้องคำนึงถึง cycle ดังนี้ 

Design --- Implement --- Deploy --- Operate and maintenance --- Dispose --- Design

วนไปเป็น cycle 

Design คือ การออกแบบ

Implement คือ การ implement

Deploy คือการติดตั้ง

Operate and maintenance คือ การ update และบริการหลังการขาย

Dispose คือ การทำลายทิ้งเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยสำหรับการเจาะระบบในอนาคต

หลังจาก IOT เป็นที่นิยมก็มีการออกกฎหมายเพื่อเอาผิดผู้ที่ทำการ Hack หรือทำการโจรกรรมทางข้อมูล เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นเนื่องจากการแฮกนั้น สามารถทำการไม่ดีได้หลายอย่างเช่นที่อาจารย์ได้ยกตัวอย่างในห้องคือการแฮ๊กกล้องวงจรปิด

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ได้ทิ้งท้ายว่า Trend ใหม่ที่กำลังมาคือ Block chain ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลให้มากขึ้นเนื่องจากต้องให้ลูกข่ายทุกคนต้องทำการยืนยันตัวตนทั้งหมด กว่าจะข้อมูลจะถูกดึงไปใช้ได้

หลังจากนั้นท้ายคาบ พวกผมก็ได้พรีเซ้น โปรเจคอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรอบนี้เสนอแก้วที่ตัดโมดูลออกเพื่อให้เหมาะสมกับเวลาและความเป็นไปได้คือ เหลือเป็นแก้ววัดปริมาณน้ำ และแสดงผลผ่านแอพพลิเคชันเพียงเท่านั้น โดยใช้ Ultra sonic และ Gyro scope มาช่วยในการวัดส่งข้อมูลผ่าน Bluetooth

ubiquitous - week 10 Projectpresentation first round

กลุ่มของพวกผมทำเกี่ยวกับ Office ซึ่งกว่าจะได้ไอเดียมาทำโปรเจค พวกเราตัดสินใจว่าให้ทุกคนไปคิดไอเดียมาเลย คนละ 20 ไอเดียขั้นต่ำเพื่อแก้ปัญหาการดื่มน้ำปริมาณไม่เพียงพอของพนักงานบริษัท เพราะเราเห็นว่าไอเดียนั้น ปริมาณจะสำคัญกว่าคุณภาพ เพราะเราสามารถเอาไอเดียที่แม้จะดูไร้สาระเช่น เพื่อนบางคนเสนอว่าอยากได้ตู้น้ำเดินได้เป็นต้น มาประยุกต์ให้ทำได้เอง ดังนั้นอย่าไปมองว่าไอเดียนี้ทำไม่ได้ ไม่เสนอดีกว่าเป็นต้น  ซึ่งพวกผมก็ได้เปิด Doc ให้ทุกคนเข้ามากรอกไอเดียของตัวเองดังนี้เลย

ตัวเลขด้านหลังคือคะแนนโหวต ว่าแต่ละคนชอบไอเดียไหนกี่คะแนนบ้าง โดยให้ 0-5 คะแนน จากนั้นก็นำไอเดียที่ได้คะแนนสูงสุด 5 ข้อออกมา

แล้วเราก็ทำการให้สมาชิกแต่ละคนมาคัดไอเดียอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูว่าไอเดียไหนเกี่ยวข้องกับวิชานี้บ้าง และอันไหนพอจะทำได้บ้าง จึงได้ผลสรุปออกมาดังรูปนี้

ได้ออกมาเป็นแก้วน้ำที่มีฟังก็ชันดังนี้

- เติมน้ำได้เอง

- ปรับอุณหภูมิน้ำได้

- แจ้งเตือนเป็นจอรอบๆแก้ว ว่าดื่มน้ำไปเท่าไรแล้ว

- เชื่อมต่อและแสดงค่าผ่านกับ แอพพลิเคชัน

- สามารถแจ้งเตือนผ่าน Band ได้

แต่พอพรีเซนไปแล้ว ก็โดนคอมเม้นมาว่า เป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างเทอะทะ หลายชิ้นเกินไป ทำให้คนไม่น่าพกพา และไม่น่าที่จะทำสำเร็จได้ทันเวลา ทำให้เรามีโจทย์ต้องไปทำยังไงก็ได้ให้เหลือแค่แก้วน้ำกับแอพพลิเคชันก็พอ แล้วมาพรีเซนอีกรอบในอาทิตย์หน้า

กลุ่ม Fashion

เสนอแอพพลิเคชันที่จะเป็น Social สื่อกลางระหว่าง Designer กับ Developer เนื่องจากกลุ่มนี้เห็นปัญหาว่า Designer จะมองว่าเทคโนโลยีนั้นเป็นเรื่องยุ่งยากและแพง ทำให้ไม่กล้าไปยุ่งกับเทคโนโลยี

กลุ่ม Classroom

เสนอว่าอยากจะทำหลายๆอย่างเช่น Smart board ที่จะแสดงกระดานบนโต๊ะนักเรียน และยังมีไอเดียเช่นกำไลเรียก TA เป็นต้น เนื่องจากกลุ่มนี้มองเห็นปัญหาว่านักเรียนไม่กล้าที่จะถามอาจารย์

ubiquitous - week 9

Ubicomp

นิยามของความเป็นUbicomp มีดังนี้

Ubiquity/Pervasiveness – มีอุปกรณ์มากมาย
Connectedness – ทุกอุปกรณ์เชื่อมต่อถึงกันเป็น network
Context-awareness – ผู้ใช้งานเห็นแล้วต้องใช้เป็น สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองไม่ต้องเปิดคู่มือ
Invisibility – แทบจะไม่รู้สึกว่าตนเองกำลังใช้เทคโนโลยีอยู่

UbiCom: Weiser’s 3 Internal System Properties

Mark weiser ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาแห่งยูบิคิวตัสได้กล่าวไว้ว่า 3 คุณสมบัติที่ควรมีของ Ubicom คือ

- มีความเป็น Network สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้หมด ทุกเวลา
- ต้องออกแบบมาให้แทบจะไม่เห็นตัวเทคโนโลยีแทบจะชินกับการใช้ไปเลยจนแทบไม่รู้สึกว่ากำลังใช้งานอยู่
- มีความเป็นสากลใช้งานง่ายไม่ต้องเปิดคู่มือก็ใช้งานได้

HCI

H - Human คือคน
C - Computer/device คือคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์
I - Interaction คือความมีการปฏิสัมพันธ์กัน

ดังนั้นโดยรวมแล้ว HCI คือการออกแบบอุปกรณ์ให้มนุษย์นั้นใช้งานได้ง่าย มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน

ตัวอย่างของ HCI ที่มีในปัจจุบัน

Gesture - เช่น kinect
Touch screen - เช่น สมาทโฟนทั่วไป
Wearable device - คืออุปกรณ์ที่รวมระหว่าง IOT กับ Modality
Brain computer interface - อุปกรณ์อ่านคลื่นสมอง
Virtual reality(VR) - แว่นโลกเสมือน
Augmented Reality(AR) - สร้างภาพเสมือนขึ้นมาบนโลกจริง

implicit HCI - การออกแบบมาให้อุปกรณ์ สามารคาดเดาการกระทำของคนได้ แล้วตอบสนองเลยโดยไม่ต้องสั่งการเช่น บันได้เลื่อนที่ช้าลงเมื่อใกล้ถึงฝั่งเป็นต้น

explicit HCI - ผู้ใช้งานต้องสั้งการคอมพอวเตอร์ให้ทำงานเองคอมพิวเตอร์ต้องไม่สามารถทำเองได้

Human centered design(HCD) คือการออกแบบโดยใช้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง อ้างอิงจากคนนั้นๆ


ช่วงท้ายคาบแต่ละกลุ่มมีการพรีเซ้นความคืบหน้าของงาน ว่าจะทำการศึกษาเรื่องอะไรในกลุ่มเป้าหมายของโปรเจคแต่ละกลุ่ม ซึ่งกลุ่มผมก็ ยังสรุปไม่ได้ว่าจะทำปัญหาอะไร ได้แต่ลิสออกมาหลายๆหัวข้อ

ubiquitous special class - tcdc

TCDC นั้นคือพื้นที่จัดนิทรรศการเชิงศิลปะ ซึ่งช่วงที่ผมได้ไปดูนั้นเป็นช่วงที่เค้าจัดงานโปรโมตว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่ที่เจริญกรุง ภายในนิทรรศการณ์ก็จะมีภาพการออกแบบสาขาใหม่ของ TCDC โดยมี vr ให้ดูเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นภาพแบบ 360 องศา  นอกจากนั้นภายในยังมีห้องสมุดให้ใครก็ได้เข้าไปอ่านหนังสือด้านใน ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ได้ไปเห็นนิทรรศการณ์แบบนี้

ภาพของ TCDC สาขาใหม่ที่จำลองผ่านกล้อง VR

ubiquitous - week 7,8

 เทคนิกการอ่าน Paper งานวิจัย

         เวลาอ่าน Paper สิ่งที่ต้องเน้นคือเอาแนวคิดของเข้ามา ไม่ใช้ว่าอ่านแล้วทำตามได้ เนื่องจาก Paper นั้นไม่ได้อธิบายทุกอย่างแต่จะให้แนวคิด เทคโนโลยีที่นำมาประยุกต์ใช้ ตัวอย่างการออกแบบคร่าวๆ หรือว่าต้นแบบแรงบันดาลใจ เพื่อที่เราสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้

Research Problems - ปัญหาของการสร้างชิ้นงานนี้ ว่าสร้างขึ้นมาทำไม
Algorithms - อัลกอลิทึม ที่นำมาใช้งานรวมถึง Source code
Design Thinking Concept - Design ของโปรแกรม หรืออุปกรณ์นั้นๆ หรือโครงสร้างโปรแกรมของโปรแกรม
Hardware Spec - อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำโปรเจคให้สำเร็จ

เป็น 4 อย่างที่เราควรจะหาให้เจอเพื่อเข้าใจในการอ่าน Data sheet ของคนอื่น

หลังจากนั้นผมก็ได้รับการบ้านให้ไปลองอ่านงานวิจัยมาหนึ่งชินซึ่งผมก็เลือกเม้าถุงมือ ซึ่งจากที่ได้อ่านมาก็พบว่า เอาสารนั้นจะไม่ได้ใส่วิธีทำแบบละเอียดทั้งหมดจริงๆ แต่ว่าจะให้แนวคิด หรือหลักการทำงานออกมาเป็นรูป Flow chart เพื่อให้เราพอเข้าใจแนวคิดของเค้า ถ้าอยากจะทำต่อเราต้องมีการหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อมาต่อยอดงานให้สำเร็จ

          และอีกชิ้นงานหนึ่งที่ได้ไปอ่านเอกสารมาคือ Human Activity Recognition usingWearable Devices Sensor Data คือ การนำ Censor ต่างๆที่มีในมือถือ (accelerometer และ gyroscope)

 เพื่อเก็บข้อมูลกิจกรรมต่างๆที่ทำในชีวิตประจำวันมาทำการวิเคราะห์ว่า เราทำอะไรไปบ้าง ใช้พลังงานเท่าและแสดงผลผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยงานชิ้นนี้จะไม่เป็นชิ้นงาน แต่จะเป็นอัลกอลิทึมของการทำ Machine learning ข้อมูล


และช่วงท้ายคาบอาจารย์จูนก็ได้แบ่งหัวข้อโปรเจคออกมาเป็น 4 หัวข้อเพื่อทำเป็น Term project โดยมีหัวข้อต่างๆดังนี้

Fashion
Smart classroom
Office
Smart environment

และผมกับเพื่อนๆก็ได้เลือกหัวข้อ office เพราะเห็นว่ากำลังจะเข้าสู่วัยทำงานแล้วก็อยากที่จะศึกษาว่าบุคคลเหล่านั้นมีปัญหาอะไรกันบ้างเพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะพบเจอ และหาอุปกรณ์ที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้น หลังจากนั้นเราก็มีเวลาได้ประชุมกันละลิสรายการปัญหาที่คิดว่าจะเป็นปัญหาของคนวัยทำงานกัน

ubiquitous - week 5,6 and 7 Special speaker Sittha Sukkasi

Impactful design

Design คืออะไร

John Heskett - Design is to design a design to produce a design.
Emily Pilloton - Design is problem solving with grace and foresight
Charles Eames - Design is a plan for arranging elements to accomplish a particular purpose.
Jordan Kushin - Design is ubiquitous. Products and architecture, hardware and software, programs and services - all of these things have been, on some level or another, designed
Steve Jobs - Design is not just what it looks like and feels like. Design is how it works.

จากหลายๆคำนิยาม สรุปได้ว่า Design นั้นมีอยู่ในทุกๆที่ แต่ว่าทุกการ Design ไม่จำเป็นต้องดีเสมอ ดังนั้น ถ้าของที่ผลิตมาต่อให้ฟังก์ชันดีขนาดไหน แต่ถ้าการ Design ไม่ดี ก็ย่อมไม่มีคนใช้

Good design

Joe Sparano - Good design is obvious. Great design is transparent
Dieter Rams - Good Design is innovative makes a product useful is aesthetic makes a product understandable is unobtrusive is honest is long-lasting is thorough down to the last detail is environmentally friendly is as little design as possible
Sittha Sukkas - Good design makes lives better while being effective, aesthetic, creative, and clever

good design นำไปสู่การ design ที่ impactful หรือเรียกว่า Impactful design

Impactful design
การจะเป็น Impactful Design ได้นั้นต้องประกอบไปด้วยลักษณะ 4 อย่างคือ
Effective - มีประสิทธิภาพใช้งานได้จริง
Aesthetic - มีความสวยงาม
Creative - มีความคิดสร้างสรรค์
Clever - ฉลาดในการออกแบบ

Homework ผมได้รับมอบหมายให้ไปหา Impactful design มาหนึ่งอย่าง ซึ่งสิ่งที่ผมไปหามาก็คือ สติกเกอร์ เบอกวันหมดอายุ สติกเกอร์มีคุณสมบัติของการเป็น impactful ครบดังนี้

Effective - มีประสิทธิภาพใช้งานได้จริง
Aesthetic - มีความสวยงาม เรียบง่าย แม่บ้านเห็นก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าคืออะไร
Creative - มีความคิดสร้างสรรค์ ที่ออกแบบออกมาเป็นรูปนาฬิกาทรายซึ่งสื่อถึงการจับเวลาอยู่แล้ว
Clever - ฉลาด มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับสติกเกอร์ ให้สามารถเปลี่ยนสีได้ตามเวลา




How to create impactful design

สำคัญที่สุดต้องคำนึงถึงผู้ใช้งาน ต้องรู้จักลักษณะของผู้ใช้งานว่าต้องการอะไร กลุ่มผู้ใช้งานเป็นใคร
หลักการออกแบบโดยใช้หลักการ Double-Diamond Model of Design




ในขั้นแรก Problem เราต้องลู่ออกเพื่อมองหาปัญหาหลายๆอย่าง เพื่อให้เจอสิ่งที่ตอบโจทย์ของเราได้ตรงประเด็นที่สุด จากนั้นเมื่อได้ปํญหามาให้เราลู่เข้า โฟกัสไปที่ปัญหานั้นเลย หลังจากนั้นพอถึงขั้น Develop เราต้องเปิดไอเดียออกมาหลายๆอย่างอีกครั้งเพื่อให้ได้รูปแบบงานที่ดีที่สุด และเมื่อแบบลงตรัว จึงลู่เข้ากลับไปทำงานให้สำเร็จพร้อมส่งมอบ

People Value Canvas
เพื่อเลือกกลุ่มเป้าหมาย เราจึงมีการทำ People Value Canvasขึ้นเพื่อความชัดเจนว่ากลุ่มคนที่เราสนใจนั้นมีปัญหาอะไรเป็นปัญหาที่แท้จริงกันแน่ ซึ่งมีหน้าตาประมานนี้



จากนั้นกลุ่มผมก็ได้รับมอบหมายงานให้ไปศึกษาปัญหาตัวอย่างมาหนึ่งปัญหา ซึ่งกลุ่มผมก็เลือกกลุ่มคนที่เล่นแทปเลตบนรถประจำทาง ซึ่งพวกเราก็ได้เติมเต็มตารางออกมาเป็นรูปนี้

จากนั้นก็นำออกไปนำเสนอหน้าห้อง 1 นาที ซึ่งกลุ่มของพวกผมพรีเซ้นเร็วเกินไป เนื่องจากถูกกดดันด้วยเวลาที่น้อย ทำให้รีบจนเวลาเหลือ ซึ่งก็โดนคอมเม้นว่าเนื้อหาไม่ครบถวย เนื่องจากเวลาที่จำกัด ทำให้เนื้อหาบางอย่างที่เตรียมจะพูดก็ไม่ได้พูดออกไป

Brain stroming
คือการประชุมความคิดของหลายๆคน ซึ่งทุกความคิดที่คิดออกมานั้นล้วนมีค่าไม่ควรที่จะไปตัดสินความคิดใดว่าไม่ดี เนื่องจากอาจจเป็นสิ่งที่เราคนเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าไม่ดี แต่คนอื่นอาจจะชอบ และการ Brain stroming นั้นนอกจากจะเพื่อฟังความเห็นจากหลายๆคนแล้ว ยังช่วยให้เราได้รับไอเดียปริมาณที่มากเนื่องจากไอเดียปริมาณน้อยนั้น ล้วนเป็นไอเดียที่ใครๆก็คิดได้ทั้งนั้น จะไม่สามารถเข้าถึงไอเดียที่ดีได้

Experimentation
จากนั้นเมื่อได้กลุ่มเป้าหมายที่แน่นอนแล้ว ก็ให้ทำการลู่ออกทางความคิดอีกครั้ง โดยการออกแบบ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทดลอง เพราะถ้าสิ่งที่เราทำถ้าไม่ทดลองเลย แล้วทำจริงเลย อาจจะเกิดความเสียหายอย่างหนักได้ในอนาคต ดังนั้นอย่ากลัวการที่ต้องทดลอง

Prototyping
การสร้างตัวอย่างขึ้นมาก่อนทำจริง ว่าสิ่งที่เราออกแบบและทดลองมานั้น เมื่อทำออกมาแล้ว มันจะดีจริงหรือไม่ ที่ต้องทำเพื่อป้องกันการทำจริงแล้ว ออกมาไม่ดีจะทำให้เปลืองงบ โดยตัวPrototyping นั้นจะหน้าตาเหมือนของจริงเกือบทุกประการ



หลังจากผ่านการทดลอง และสร้างตัวอย่าง ก็ถึงเวลาที่จะลู่เข้าอีกครั้งเพื่อดำเนินงานต่อให้จบ โดยทำทุกอย่างให้ตรงกับที่ออกแบบมาได้เลยเพื่อส่งมอบ

ubiquitous - week 4

การบ้านที่เสนอ สื่งประดิษที่เป็น ubiquitois ของผมคือ necomimi คือหูแมวอัจฉริะที่จะเคลื่อนไหวเปลี่ยนไปตามอารมย์ของผู้สวมใส่ โดยตรวจจับผ่านคลื่นสมองที่ส่งออกมาจากผู้สวมใส่



Ambient intelligence (AmI)
คือสถาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วย smart device โดยจะมีเซนเซอร์ไปทุกๆจุดคอยจับทุกๆอย่างของมนุษย์ทั้งการเคลื่อนไหว ตำแหน่งเป็นต้น เพื่อนำมาประมวลผลและอำนวยความสะดวกต่อผู้คนในบริเวณนั้น AmI นั้นมีคนเป็นจุดศูนย์กลางต่างกับ Ubicomp เพราะ AmI จะปรับตัวเข้าหามนุษย์

เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AmI มีดังนี้
1. embedded - เทคโนโลยีที่เล็กจนเนียนไปกับสิ่งแวดล้อม
2. context aware - สามารถรู้สิ่งแวดล้อมได้เช่นตำแหน่งของผู้ใช้งาน
3. personalized and adaptive - ปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
4. anticipatory - สามารภรู้ความต้องการของผู้ใช้งานได้

Smart environment
คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเซ็นเซอร์ ตัวแสดงผล สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เทคโนโยีฝังตัวอยู่ในแทบทุกๆชิ้นของสิ่งของ และมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายตลอดเวลา
มีลักษณะสำคัญดังนี้
1. สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆได้จากระยะไกล
2. มีการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์
3. มีการรับข้อมูลจากเซนเซอร์และมีการเผยแพร่ออกไป
4. มีการให้บริการโดยอุปกรณ์อัจฉริยะ
5. สามารถคาดเดาการตัดสินใจผู้ใช้งานได้

class assignment - smart environment
กลุ่มผมได้ยกเมืองบาเซโลน่าเป็นตัวอย่าง ซึ่งตัวอย่างคือป้ายรถเมย์เมืองบาเซโลน่าที่มีความสามารถระบุเป้าหมายปลายทางที่เราต้องการจะไป ซื้อตั๋วออนลายได้ โดยที่ป้ายรถเมย์จะมีการคำนวนเส้นทางที่สามารถไปได้ออกมาแสดงให้ผู้ใช้งานเห็นเพื่อการตัดสินใจว่าจะไปแบบไหน



Physical computing
คือการรับค่าจากผู้ใช้งานเช่นความร้อน การเคลื่อนไหวไปประมวลผล แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานอิเล็กโทรนิก เพื่อแปลงออกมาเป็นรูปแบบการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งาน โดยตัวคำนวนส่วนใหญ่จะใช้ microcontroller

ตัวอย่าง Open sourceสำหรับการทำ physical computing

Arduino เป็นฮาร์ดแวร์ราคาถูกที่ใช้งานไม่ยาก สามารถนำไปสร้างสรรค์ผลงานได้ตามใจชอบ จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างสูง

                                 Arduino

Wearable computing

คือคอมพิวเตอร์ที่สวมใส่อยู๋บนร่างกาย โดยรับ input ได้จากหลายอย่างของร่างกายมนุษยทั้ง เสียง มือ ดวงตา การเคลื่อนไหวเป็นต้น โดยมีประโยชน์อย่างมากเพราะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวเคราะห์ออกมาเพื่อช่วยเหลือคนได้อย่างมากมายเช่น ทำเป็นเครื่องตรวจจับชีพจร หรือเครื่องช่วยเหลือสำหรับคนพิการเป็นต้น โดยการเป็น wearable device ที่ดีนั้นควรออกเป็นให้ใช้งานได้ง่าย และเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายไปเลย เพื่อให้ผู้สวมใส่รู้สึกไม่อึดอัดใจที่จะใช้งาน